ความแตกต่างของวิธี (How) จะเป็นตัวกำหนดความแตกต่างของ Micro-Credential ด้วย ตัวอย่างเช่น เราสามารถคาดการณ์แนวโน้มของการขายได้โดย Theory-X ถือเป็น Micro-Credential ตัวหนึ่ง และหากเราเองก็สามารถคาดการณ์แนวโน้มของการขายได้โดย Theory-Y อีกด้วย ก็จะถึงว่าเป็น Micro-Credential คนละตัวกัน
ดังนั้น combination ของ What + How ถือว่าสำคัญ สำหรับการกำหนดการทำได้ที่เฉพาะเจาะจง
Micro-Credential
ไม่ได้บอกเพียงแค่ว่า... คุณสามารถจะทำ อะไรได้ (What) เท่านั้น แต่จะต้องบอกด้วยว่า ทำได้ โดยวิธีใด (How)
Digital Badge หรือ Digital Certification มีส่วนประกอบ ดังนี้
- Earner
- คือใคร ตัวอย่างเช่น เขาชื่อ Mr.Love Learning
- Badge Name
- หรือ Micro-Credential ชื่ออะไร เช่น Analysing sales data and predicting future sale trend using statistical technique X
- บอกด้วยว่าใช้เทคนิคอะไรในการทำ
- Description
- บรรยายรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Badge นั้นๆ
- Issuer
- ระบุว่าใครเป็นคนออก Badge นี้ เช่น Issuer คือ KMUTT Science Academy
- Evidence
- จะเป็นตัวบ่งบอกว่าผู้เรียนทำอะไรได้ เช่น เขาจะต้องส่งหลักฐานพิสูจน์ความสามารถเข้ามาในระบบ ว่าเขาทำ analysing sale data นี้ได้
- เราสามารถขอ evidence ได้มากเท่าที่ต้องการ เพื่อให้มั่นใจว่าเขาทำสิ่งนั้นเป็นจริงๆ
- Date earned
- พูดถึง date ว่าได้ไปเมื่อไหร่ และจะหมดอายุเมื่อไหร่ เพราะการ analyse data ด้วย theory X อาจจะมีวันที่หมดอายุได้
- Criteria
- ระบุเงื่อนไขในการตรวจ ผ่าน เป็นอย่างไร? ไม่ผ่าน เป็นอย่างไร?
Evidence
อะไรก็ตามที่เป็น evidence ที่ demonstrate skill นั้น จะถูกเก็บสะสมไว้เป็นข้อมูลที่เป็น digital อยู่ใน Digital Badge ทั้งหมด
หน้าตาของ Digital Badge จะเป็นอย่างไร เราขอแนะนำให้ท่านรับชมได้จากเนื้อหาในวิดีโอ MC Starter Pack EP.2 และหากสงสัยหรือสนใจเพิ่มเติมว่าทำไมต้องทำ Micro-Credential? สามารถติดตามได้จากบทความถัดไปนะคะ :)